วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2561

หลักสูตรแฝง


หลักสูตรแฝง



        โดยทั่วไปเราอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า “หลักสูตร” ซึ่งตามพจนานุกรมศัพท์ศึกษาศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน อธิบายว่า หลักสูตร (curriculum) หมายถึง แผนการจัดการศึกษาที่ประมวลเนื้อหาสาระ ประสบการณ์ และกิจกรรมต่าง ๆ โดยมีองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ หลักการ จุดหมาย สาระการเรียนรู้ แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรียนการสอน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนมีพัฒนาการต่าง ๆ ตามจุดหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นความหมายหลักพื้นฐานที่ผู้เกี่ยวข้องกับศึกษาน่าจะทราบกันดีอยู่แล้ว แต่คำว่า หลักสูตรแฝง ที่เป็นหัวข้อในวันนี้ คืออะไรนั้น พจนานุกรมเล่มดังกล่าวอธิบายว่า หลักสูตรแฝง (hidden curriculum) หมายถึง ความรู้ ความเข้าใจ และการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่มิได้กำหนดเป็นลายลักษณ์อักษร เกิดเพิ่มขึ้นเมื่อผู้เรียนได้รับสาระและประสบการณ์ตามที่หลักสูตรกำหนด นับเป็นการเรียนรู้ที่แฝงหรือซ่อนอยู่ในหลักสูตร
          หากจะอธิบายให้ชัดเจนยิ่งขึ้นคือ เหตุที่เรียกว่า หลักสูตรแฝง นั้น เนื่องมาจากความรู้ ความเข้าใจที่เราได้รับจะมาจากการเรียนรู้หรือมวลประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่ได้จัดการเรียนการสอนให้แก่ผู้เรียนโดยตรงตามหลักสูตรที่กำหนด เช่น คุณธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม เจตคติ ค่านิยม ความเชื่อ มวลประสบการณ์ต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดไปสู่ผู้เรียนโดยไม่มีการเรียนการสอนโดยตรง แต่บูรณาการไปกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่ผู้เรียนปฏิบัติ ตลอดจนการได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมทางสังคมในสถานศึกษา รวมทั้งวัฒนธรรมองค์กรของแต่ละสถานศึกษาด้วย ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้จากการใช้ชีวิตในสถานศึกษา การเรียนรู้ต่าง ๆ ที่ไม่ต้องมีการจัดการเรียนการสอนอย่างเป็นทางการ แต่เป็นประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ผู้เรียนได้รับและเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง และสิ่งที่ผู้เรียนได้รับจากหลักสูตรแฝงนั้นจะปรากฏเป็นพฤติกรรมและลักษณะนิสัยของผู้นั้นต่อไป.
        หลักสูตรแฝงกับการเรียนรู้พฤติกรรมจิตพิสัย
        โดยทั่วไปโรงเรียนจะประสบความสำเร็จมากในการสอนให้เกิดการเรียนรู้ ทางด้านพุทธิพิสัย และทักษะพิสัย ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีการสอนและการประเมินผลที่จัดให้เกิดความสอดคล้องกันได้ง่าย และกระทำได้ง่าย แต่โรงเรียนจะมีปัญหาในการสอนนักเรียนให้เกิดการเรียนรู้ทางด้ายจิตพิสัย เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้โดยการบรรยาย เด็กจะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จากตัวอย่างและการกระทำของผู้ใหญ่ และผู้อยู่ใกล้ชิดมากกว่า
        ชิลเบอร์เมน (Silberman,1970:9) ได้ยืนยันความจริงในข้อนี้ว่า  สิ่งที่นักการศึกษาจะต้องตระหนักให้มากก็คือ  วิธีการที่เขาสอนและการกระทำของพวกเขามีความสำคัญมากกว่าสิ่งที่เขาสอน  นั่นก็คือว่าวิถีทางที่เรากระทำกับสิ่งต่างๆ จะสร้างค่านิยมได้ตรงกว่าและมีประสิทธิผลมากกว่าที่เราได้สอนหรือพูดคุยกับเขาโดยตรงการปฏิบัติการในเชิงการบริหารที่มีลักษณะเฉพาะ  ประเภทการเลื่อนชั้นโดยอัตโนมัติการแบ่งกลุ่มนักเรียนตามความสามารถ  การแบ่งแยกผิวพรรณและเชื้อชาติ  หรือการสอบแข่งขันเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาจะมีผลต่อหน้าที่พลเมืองมากกว่าการเรียนโดยตรงในหลักสูตรวิชาสังคมศึกษา  เด็กๆ จะถูกสอนให้เรียนรู้เกี่ยวกับค่านิยมจริยธรรม  ศีลธรรม  บุคลิกภาพ  และความประพฤติทุกวันจากการจัดและดำเนินการของโรงเรียน  เช่น  วิถีทางที่ครูและพ่อแม่ประพฤติ  วิถีทางที่พวกเขาพูดกับเด็กและระหว่างผู้ใหญ่ด้วยตนเอง  ชนิดของพฤติกรรมที่พวกเขายอมรับและให้รางวัล  และชนิดของพฤติกรรมที่พวกเขาไม่ยอมรับ  และมีการลงโทษ  มากกว่าการเรียนรู้จากเนื้อหาที่บรรจุไว้ในหลักสูตรปกติ


        โคลเบอร์ก (kopiberg, 1970:120)  ซึ่งเป็นนักสังคมวิทยาการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาด ผู้ซึ่งล่วงไปแล้ว  ได้มีความเชื่อและจุดยืนเดียวกันเกี่ยวกับความสำคัญและอิทธิพลของหลักสูตรแฝงในรูปแบบของการเรียนรู้ทางสังคม (socialization)  ของนักเรียน  เขามองว่าหลักสูตรแฝงมีลักษณะและธรรมชาติที่จำเป็นและเอื้อต่อการพาไปสู่ความเจริญงอกงามทางจริยธรรม  เพราะในโรงเรียนประกอบไปด้วยฝูงคน  การยกย่องและอำนาจ
        แจ๊คสัน (jackson, 1968 : 36) ได้ศึกษาลักษณะที่สำคัญของห้องเรียนและได้ชี้ให้เห็นถึงธรรมชาติของการกระบวนการเรียนรู้ทางสังคมและความสำคัญของหลักสูตรแฝงว่า  ในขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียน  นักเรียนเรียนรู้ที่จะปรับตนเองให้สอดคล้องกับเจตจำนงของครู  แล้วควบคุมการกระทำของตนเองให้เป็นที่ยอมรับ  เขาเรียนรู้ที่จะยอมรับตามและปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ  และกิจวัตรต่างๆ  ที่ได้กำหนดไว้เขาเรียนรู้ที่จะอดทนกับความไม่พอใจเล็กๆ น้อยๆ และยอมรับนโยบายและแผนงานของผู้บริหาร  แม้ว่าจะขาดเหตุผลไปบ้างก็ตาม  แจ๊คสัน  (Jackson, 1972 : 81 ) ถือว่า กฎ  ระเบียบ  และกิจวัตรประจำวัน  เป็น 3 R’s (rules,regulaons, and  routines ) ของหลักสูตรแฝง  เพราะเป็นสิ่งที่นักเรียนต้องเรียนรู้และปฏิบัติตาม  มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่สามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมนั้นได้
        หลักสูตรแฝงจะช่วยให้ครู และนักการศึกษาได้แง่คิด  และเข้าใจสัจธรรมเกี่ยวกับการเรียนรู้ในเรื่องเจตคติ ค่านิยม พฤติกรรม คุณธรรม และจริยธรรมของนักเรียน โรงเรียนจึงไม่ควรเน้นและทุ่มเทในด้านการสอนสิ่งเหล่านี้ ตามตัวหลักสูตรปกติมากจนเกินไป หรือเกินความจำเป็น แต่ให้เพิ่มความสนใจแก่หลักสูตรแฝงมากขึ้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น